ยกระดับจากฟาร์มเกษตรกร สู่แหล่งเรียนรู้เชิงเกษตร

9

ยกระดับจากฟาร์มเกษตรกร สู่แหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ ต้นแบบวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงตำบลช่องสะแก จังหวัดเพชรบุรี

นายกิจษารธ อ้นเงินทยากร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 จังหวัดราชบุรี (สศท.10) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงตำบลช่องสะแก หมู่ที่ 7 ตำบลช่องสะแก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรีนับเป็นกลุ่มต้นแบบความสำเร็จจากการยกระดับจากฟาร์มเกษตรจำนวน 5 ไร่ เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในชุมชน สร้างเครือข่ายเกษตรกร  รวมถึงสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรอย่างครบวงจร และพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้อย่างยั่งยืน จากการลงพื้นที่ของ สศท.10 โดยสัมภาษณ์นายสุพจน์ กลิ่นพ่วง ผู้ก่อตั้งและเป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงตำบลช่องสะแก บอกเล่าว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงตำบลช่องสะแก มีพื้นที่ดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรและปลูกพืชผักอินทรีย์ จำนวน 5 ไร่ เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2559 ปัจจุบันมีสมาชิกเกษตรกร 50 ราย สมาชิกส่วนใหญ่ ร้อยละ 92 จะเพาะปลูกข้าวเป็นหลัก และบางส่วนจะปลูกพืชผักอินทรีย์ ซึ่งเกษตรกร จำนวน 4 ราย ที่ปลูกพืชผักอินทรีย์ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee Systems: PGS) โดยกลุ่มมีเป้าหมายสำคัญคือต้องการผลิตพืชผักอินทรีย์ไว้จำหน่าย และบางส่วนเก็บไว้บริโภคในครัวเรือน กลุ่มจึงมีการส่งเสริมสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปให้มีส่วนร่วมผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัย มีการเรียนรู้ตลอดเวลาทำให้กลุ่มพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีการเชื่อมโยงธุรกิจและการท่องเที่ยวสู่ชุมชน รวมถึงพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) เครือข่ายเมืองเพชรบุรี ทั้งนี้ กลุ่มได้รับมาตรฐานออร์แกนิคไทยแลนด์ (Organic Thailand) และรางวัล 1 ตำบล 1 โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

นายกิจษารธ อ้นเงินทยากร
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 จังหวัดราชบุรี
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

ด้านสถานการณ์การผลิตพืชผักอินทรีย์ของกลุ่มหลัก ๆ คือผักสลัดและผักตามฤดูกาล ได้แก่ คอส กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค เคล กวางตุ้ง ฮ่องเต้ มะเขือเทศ แฟง ฟักทอง ผักบุ้ง มะเขือเปราะ ซึ่งเกษตรกรจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพาะปลูกทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ให้ผลผลิตเฉลี่ย 80 กิโลกรัม/วัน หรือ 560 กิโลกรัม/สัปดาห์ หรือประมาณ 29 ตัน/ปี โดยผลผลิตส่วนใหญ่ ร้อยละ 70 จำหน่ายให้กับโรงพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรี ผลผลิตร้อยละ 20 ออกบูธจำหน่ายภายในจังหวัด และผลผลิตร้อยละ 10 จำหน่ายหน้าฟาร์ม

สำหรับกิจกรรมทางการเกษตรของกลุ่มบนพื้นที่ 5 ไร่ แบ่งเป็น การผลิตสินค้าเกษตรมาตรฐานออแกร์นิคไทยแลนด์ จำนวน 3 ไร่ กิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรกรรม จำนวน 1.5 ไร่ และตลาดปันรักษ์ จำนวน 0.5 ไร่ ซึ่งภายในฟาร์มมีกิจกรรมที่หลากหลายให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมและเรียนรู้ ดังนี้ 1) กิจกรรมผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตรตามมาตรฐานออแกร์นิคไทยแลนด์ (Organic Thailand) นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมแปลงผักและเลือกตัดผักจากแปลงได้ด้วยตนเอง และยังมีสินค้าแปรรูปที่ผลิตและจำหน่ายโดยกลุ่ม เช่น กิมจิ ผงโรยข้าว คุกกี้ผักเคล 2) กิจกรรม  การท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้วิถีชีวิตเกษตรกรรม ประกอบด้วยฐานการเรียนรู้ 7 ฐานเรียนรู้ ได้แก่ ฐานที่ 1 มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ฐานที่ 2 การบริหารการปลูกผักอินทรีย์ ฐานที่ 3 การจัดการดิน ฐานที่ 4 การทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ ฐานที่ 5 การผลิตสารชีวภัณฑ์ ฐานที่ 6 การเลี้ยงไก่อินทรีย์ และฐานที่ 7 การเลี้ยงไส้เดือนดิน และ 3) กิจกรรมการท่องเที่ยว ตลาดปันรักษ์ ซึ่งกลุ่มสร้างเครือข่ายในชุมชนร่วมกันจัดตลาดเพื่อสร้างความรับรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์และของดีในชุมชน ให้มากขึ้น สินค้าที่มีจำหน่ายในตลาด เช่น ผักสลัด ผักตามฤดูกาล และสินค้าแปรรูป รวมทั้งอาหารท้องถิ่นของดีในชุมชน  เช่น ขนมตาล ตาลโตนดทอด ข้าวเกรียบงา ขนมเบื้อง และอาหารเครื่องดื่มอีกหลากหลาย ทั้งนี้ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวและผู้เข้ามาอบรมเรียนรู้เฉลี่ย 2,500 ราย/ปี สามารถสร้างรายได้จากกิจกรรมศึกษาดูงาน การขายผลผลิตในฟาร์มและสินค้าแปรรูปเฉลี่ย 2,000,000 บาท/ปี คิดเป็นกำไร 562,500 บาท/ปี ซึ่งมากกว่ารายได้เฉลี่ยในช่วงก่อนการยกระดับฟาร์มถึงร้อยละ 67

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนกลุ่มในระยะต่อไป คือการพัฒนาและยกระดับการจัดอบรมการสื่อสารภาษาอังกฤษเบื้องต้นให้กับสมาชิก ผู้ประกอบการพ่อค้าแม่ค้าในตลาดปันรักษ์ และนักเรียนในชุมชน ให้สามารถสื่อสารอธิบายเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ซื้อขายสินค้ากับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ เนื่องจากเริ่มมีคณะทัวร์นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาศึกษาดูงาน ซึ่งวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงตำบลช่องสะแก ถือเป็นต้นแบบที่ประสบความสำเร็จจากการยกระดับจากฟาร์มเกษตรเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ นับได้ว่าทั้งผู้นำและสมาชิกกลุ่มฯ มีการปรับตัวและก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสสังคมและกระแสโลกที่มีต่อภาคเกษตร ในยุคที่การผลิตสินค้าเกษตรต้องมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตรวจสอบได้ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรอย่างครบวงจร และพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้อย่างยั่งยืน หากเกษตรกรหรือท่านใดสนใจข้อมูลและต้องการเข้าศึกษาดูงาน สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ นายสุพจน์ กลิ่นพ่วง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงตำบลช่องสะแก หมู่ที่ 7 ตำบลช่องสะแก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี โทร. 09 2893 4462 ยินที่ต้อนรับทุกท่าน

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร