เปิดโครงการสร้างการรับรู้นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดอุทัยธานี
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการสร้างการรับรู้นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมเยือนเกษตรกร และประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี และมอบนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมี นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นายวัฒนะ สัตยวงศ์ทิพย์ สหกรณ์จังหวัดอุทัยธานี หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสหกรณ์ เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่กว่า 1,000 คน ให้การต้อนรับ ณ วัดสาลวนาราม (วัดหนองจอก) ตำบลหนองจอก อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
โอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบป้ายเงินอุดหนุนโครงการพัฒนาศักยภาพกลุ่มอาชีพในสังกัดสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน ปี 2563 (กลุ่มอาชีพสหกรณ์) จำนวน 3 กลุ่ม ๆ ละ 100,000 บาท ได้แก่ กลุ่มบ้านสวนลูกแชมป์ สังกัดสหกรณ์การเมืองอุทัยธานี จำกัด นำไปพัฒนาศักยภาพการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างผลิตภัณฑ์ที่สะดวกต่อการบริโภค โดยพัฒนาการแปรรูปปลาร้าทรงเครื่องโรยข้าว ซึ่งเป็นการพัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน สามารถแข่งขันในตลาดโมเดิร์นเทรด และจำหน่ายทาง Digital Market กลุ่มสายใยเกษตรกร สังกัดสหกรณ์การเมืองอุทัยธานี จำกัด นำไปพัฒนาศักยภาพการแปรรูปผักอินทรีย์ให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้มีความหลากหลาย สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่รักสุขภาพ เน้นการบริโภคที่ปลอดภัย โดยจะดำเนินการแปรรูปชาสมุนไพรจากผักอินทรีย์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น ใบหม่อน ผักชมจันทร์ มะเขือพวง เป็นต้น และกลุ่มผู้ผลิตและแปรรูปโกโก้ สังกัด สหกรณ์การเกษตรห้วยคต จำกัด ซึ่งสมาชิกผู้ปลูกโกโก้ได้รวมตัวกันมีวัตถุประสงค์เพื่อนำผลผลิตโกโก้ จากแปลงสมาชิกมาแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว และเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้มีความหลากหลาย และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค มีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูง เหมาะแก่ผู้ที่รักสุขภาพ ต้องการพัฒนาการแปรรูปให้มีความหลากหลาย สะดวกแก่การบริโภค เป็นการยกระดับการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน สามารถแข่งขันในตลาด จากนั้น ได้มอบพันธุ์ปลา จำนวน 1,000 ถุง และข้าวสาร จำนวน 1,000 ถุง ๆ ละ 2 กิโลกรัม ให้กับเกษตรกรที่มาร่วมงานด้วย
“ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีแผนงานนโยบายในการขับเคลื่อนพัฒนาการเกษตรของประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ มีบทบาทที่สำคัญในการส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างวิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์ รวมถึงเชื่อมโยงไปถึงผู้ประกอบการ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาด้าน การผลิต และด้านการตลาดของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ รวมทั้งสนับสนุนการขยายเครือข่ายธุรกิจของวิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ เพื่อยกระดับการพัฒนาเกษตรกรไปสู่การเป็นผู้ประกอบอาชีพการเกษตรที่มีความเข้มแข็ง ตลอดจนระบบกลไกสหกรณ์ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นกลไกการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสังคมเป็นกลไกในการดูแลให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการรวมกลุ่มและการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรได้อย่างแท้จริง” รมช.มนัญญา กล่าว
จากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เยี่ยมชมสินค้า ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และพบปะของตัวแทนเกษตรกรรุ่นใหม่ที่สมัครเข้าร่วมโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพเกษตรกรของจังหวัดอุทัยธานี จำนวน 3 ราย นายธีรศักดิ์ ปรีเปรม อายุ 30 ปี กล่าวว่า เดิมตนเองทำงานเป็นลูกจ้างได้ลาออก และกลับบ้านมาทำการเกษตรแบบผสมผสาน บนพื้นที่ 120 ไร่ ในอำเภอห้วยคต แบ่งเป็นสวนผลไม้ปลูกทุเรียน ส้มโอ เงาะ กล้วยไข่ กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า โกโก้ ลำไย มังคุด มะม่วง ลองกอง แบ่งปลูกพืชไร่ ได้แก่ สับปะรด มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน รวมทั้งปลูกพืชสมุนไพรขมิ้นชัน เป็นต้น ซึ่งสามารถสร้างรายได้ประมาณ 10,000 บาท ต่อเดือน
ด้าน นายเอกชัย มีโพธิ์ อายุ 31 ปี กล่าวว่า ตนเองได้ลาออกจากงานประจำที่บริษัท สหฟาร์มไก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ปัจจุบันเป็นรองประธานแปลงใหญ่แพะแกะ และทำการเกษตรบนพื้นที่ 38 ไร่ มีแหล่งน้ำจากฝายตะกรุด และสระที่ขุดไว้ใช้เองปลูกพืชผักสวนครัว ข่า ตะไคร้ กระชาย มะระ มะเขือ หอมชี บวบ ฟักอ่อน พริก คะน้า กวางตุ้ง กล้วย โกโก้ กระถิน โดยนำผักที่ปลูกไปขายเองที่ตลาดนัดในชุมชน และมีความชำนาญด้านปศุสัตว์ เลี้ยงเป็ด ไก่ แพะ แกะ ปัจจุบันเลี้ยงหมู 70 ตัว มีตลาดรองรับโดยส่งขายให้พ่อค้าที่บ้านบ่อพระ อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท เลี้ยงแกะ 50 ตัว เลี้ยงแพะแม่พันธุ์ 300 ตัว ซึ่งการเลี้ยงแพะได้เชื่อมโยงกับเกษตรกรในพื้นที่ให้ยืมแพะไปเลี้ยงอีกด้วย
ส่วนนายสุทธินันท์ ควรพฤกษ์ อายุ 38 ปี กล่าวว่าตนเองเป็นพนักงานจ้างเหมาของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดอุทัยธานี และเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรหนองขาหย่าง จำกัด มีความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ มีพื้นที่ทำการเกษตรจำนวน 4 ไร่ ปลูกพืชผัก และสมุนไพร ทำนา และเลี้ยงเป็ดไข่ สร้างโรงเรือนเพื่อเลี้ยงไก่พื้นบ้าน จำนวน 50 ตัว ซึ่งเลี้ยงไว้เพื่อจำหน่ายพันธุ์ไก่ชน และขายกินเนื้อ และตนเองอยากจะเพิ่มพูนความรู้ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ การอนุรักษ์ดินและน้ำ ด้านการประมงและการปศุสัตว์ การทำปุ๋ยอินทรีย์ และการทำโคก หนอง นา เป็นต้น
สำหรับโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษต ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี มีเกษตรกรที่เป็นลูกหลานสมาชิกสหกรณ์ และบุคคลทั่วไปสมัครเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 76 ราย มีสหกรณ์สมัครเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 13 แห่ง ในพื้นที่ 8 อำเภอ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์สนับสนุนงบประมาณให้กับสำนักงานสหกรณ์จังหวัดอุทัยธานี ดำเนินการจัดอบรมให้ความรู้ ศึกษาดูงาน ตามความต้องการของผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ และจัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อรองรับความต้องการในด้านเงินทุน โดยจัดสรรเงินกู้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ หรือ กพส. ให้กับสหกรณ์ที่มีความประสงค์จะขอกู้เพื่อช่วยเหลือผู้สมัครที่เข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้ง ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อสนับสนุนให้ลูกหลานเกษตรกรได้กลับมาทำอาชีพเกษตรกรรมในบ้านเกิดของตนเอง สนับสนุนให้สหกรณ์การเกษตรเป็นศูนย์กลางในการสร้างอาชีพทางการเกษตรที่มั่นคง มีการบริหารจัดการแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิต จนถึงการหาช่องทาง การจัดจำหน่าย รวมทั้งสามารถยกระดับสหกรณ์ให้เป็นที่พึ่งของสมาชิกอย่างแท้จริง
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ข่าว