สั่งการด่วน

836

เกษตรฯ เร่งสำรวจพื้นที่เสียหายน้ำท่วม เตรียมฟื้นฟูทันทีหลังน้ำลด

กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งสั่งการด่วนสำรวจพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ เตรียมพร้อมช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและวางแผนฟื้นฟูหลังน้ำลดทันที

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า จากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมี ฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เกิดดินสไลด์ และวาตภัย ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 – ปัจจุบัน ในพื้นที่ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ใน 70 อำเภอ 358 ตำบล 2,318 หมู่บ้าน เกษตรกรได้รับผลกระทบ จำนวน 148,554 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย ประมาณ 1,275,355 ไร่ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ไม้ผล นาข้าว และพืชผัก โดยเฉพาะข้าวนาปีซึ่งกำลังอยู่ในช่วงฤดูกาลผลิต และขณะนี้สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่สิ้นสุด ดังนั้น จึงได้สั่งการไปยังเกษตรจังหวัดทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบให้เร่งสำรวจความเสียหาย และเตรียมการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร โดยเร็วที่สุด พร้อมให้ระดมเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรกระจายลงพื้นที่ตามอำเภอต่าง ๆ เพื่อเยี่ยมเยียนให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกร และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้ง สำรวจปัญหา สอบถามความต้องการเพื่อเตรียมฟื้นฟูพื้นที่การเกษตร หลังน้ำลด และความต้องการด้านการส่งเสริมอาชีพ เช่น การปลูกพืชผักระยะสั้น เป็นต้น

ในส่วนภาคใต้มอบหมายให้นายสุพิท จิตรภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ ร่วมกับอีก 14 จังหวัดภาคใต้ ประสานเน้นย้ำจังหวัดให้รายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยกำชับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรลงสำรวจพื้นที่เสียหาย และเตรียมการเฝ้าระวัง หากยังมีฝนตกต่อเนื่องให้รีบรายงานทันที สำหรับการเตรียมการฟื้นฟูพื้นที่เกษตรหลังน้ำลดนั้น ได้ให้ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักพืชจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา ร่วมกับศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนทุกอำเภอในพื้นที่ประสบภัย เตรียมผลิตเชื้อราไตรโคเดอร์มา เพื่อฟื้นฟูสวนผลไม้ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และไม้ยืนต้น ทันทีเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย

ด้านมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีเสียหายโดยสิ้นเชิงกรมส่งเสริมการเกษตรยึดหลักปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 โดยมีหลักเกณฑ์ช่วยเหลือเกษตรกรที่ขึันทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรไว้ก่อนเกิดภัย ตามจำนวนพื้นที่จริงที่ได้รับความเสียหาย ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ ได้แก่ ข้าว อัตราไร่ละ 1,113 บาท พืชไร่ อัตราไร่ละ 1,148 บาท พืชสวนและอื่น ๆ อัตรา ไร่ละ 1,690 บาท เมื่อเกิดภัยพิบัติ และผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตพื้นที่การให้ความช่วยเหลือฯ เกษตรกรต้องยื่นแบบความจำนงขอรับการช่วยเหลือ (กษ 01) โดยให้ผู้นำรับรอง ก่อนจะมีการตรวจสอบทะเบียนเกษตรกรและพื้นที่เสียหายจริง เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป และขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตรได้พัฒนาระบบสำหรับบันทึกข้อมูลการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติขึ้นใหม่ ทันสมัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อจะได้นำข้อมูลให้คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) รับรอง และส่งข้อมูลให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โอนเงินช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรต่อไป ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถขอความช่วยเหลือ และคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ได้ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ และสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน

กรมส่งเสริมการเกษตร ข่าว