เดินหน้าแก้ปัญหา

922

เกษตรฯ เตรียมจับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าแก้ปัญหาสารตกค้างในผักและผลไม้

กรมวิชาการเกษตร เตรียมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการตรวจสอบสารตกค้างในสินค้าเกษตรทั้งที่นำเข้าและผลิตในประเทศ ย้ำหากพบสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานพบสารตกค้างเกินความปลอดภัยจะแจ้งเตือนผู้ผลิต และหากลักลอบใช้สารต้องห้ามถึงขั้นเพิกถอนใบรับรอง 

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากการที่กรมวิชาการเกษตรได้ตรวจสอบข้อมูลตามที่กลุ่มเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) แถลงข่าวตรวจพบสารตกค้างในผักและผลไม้เกินมาตรฐานความปลอดภัย โดยสุ่มตรวจตัวอย่างสินค้าเกษตร 509  ตัวอย่าง แบ่งเป็นการสุ่มจากห้างโมเดิร์นเทรด 6 แห่ง จำนวน 201 ตัวอย่าง สุ่มจากตลาด 10 แห่ง จำนวน 308 ตัวอย่าง ซึ่งมีทั้งตัวอย่างนำเข้า และตัวอย่างที่ผลิตในประเทศ ทั้งที่ได้รับรองมาตรฐานและไม่ได้รับรองนั้น ข้อมูลดังกล่าวกรมวิชาการเกษตรจะนำมาใช้ในการตรวจสอบสินค้าที่ตรวจพบปัญหาดังกล่าวต่อไป รวมทั้งจะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุขในการบูรณาการตรวจสอบร่วมกันเพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทยปลอดภัยมากที่สุดสมกับการเป็นครัวของโลก

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ไทยแพนรายงานผลการสุ่มตรวจสารตกค้างในผลผลิตทางการเกษตร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบทันที พบว่า ตัวอย่างสินค้าที่มีการตรวจพบสารตกค้าง โดยเฉพาะในองุ่นแดงนอก และพุทราจีน เป็นสินค้านำเข้าที่กำกับดูแลโดยด่านอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในส่วนของด่านตรวจพืช กรมวิชาการเกษตร ดำเนินการตรวจเฉพาะศัตรูพืชกักกันเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามกรมวิชาการเกษตรจะได้หารือร่วมกับ อย.ในการกำกับดูแลสินค้านำเข้าพร้อมกับทบทวนการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าแนวชายแดนใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้พบปัญหาสารตกค้างในสินค้าที่นำ เข้าทุกชนิด 

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า สำหรับสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานต่าง ๆ รวม 50 ตัวอย่าง ทั้งหมดเป็นสินค้าที่วางจำหน่ายในห้าง Modern Trade ได้แก่ มาตรฐาน Organic Thailand, Q GAP, Thai GAP, PGS, มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ต่างประเทศ  กรมวิชาการเกษตรจะมีการตรวจสอบรหัสรับรองโดยละเอียดเพิ่มเติม หากเป็นรหัสรับรองที่ถูกต้อง และพบว่าสินค้ามีสารตกค้างเกิน MRL กำหนด จะแจ้งไปยังหน่วยงานรับรองในพื้นที่เพื่อตรวจสอบและดำเนินการแจ้งเตือนเกษตรกรเพื่อแก้ไขปรับปรุง กรณีตรวจพบใช้สารเคมีที่ไม่อนุญาตให้ใช้ในประเทศไทยแล้วจะเพิกถอนการรับรอง และจะได้ประสาน Thai PAN เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับตรารับรองมาตรฐานอื่นเพื่อตรวจสอบแหล่งผลิตต่อไป ส่วนกรณีสินค้าที่ไม่ได้รับรองมาตรฐานในตลาดค้าส่งและค้าปลีก จะวางมาตรการควบคุมการใช้สารเคมีที่ถูกต้องและปลอดภัยโดยจัดอบรมเพื่อสร้างการรับรู้และให้แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องและปลอดภัยต่อไป 

“กรมวิชาการเกษตรได้เดินหน้าต่อเนื่องในการนำเสนอสิ่งทดแทนวัตถุอันตรายที่ยกเลิกการขึ้นทะเบียนแล้ว โดยมีมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว การวิจัยพัฒนาสารชีวภัณฑ์และสารสกัดจากพืชมาทดแทนสารเคมีเกษตรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืชแนะนำให้เกษตรกรใช้แล้ว 17 ชนิด โดยแนะนำให้ใช้แบบผสมผสานในระบบเกษตรปลอดภัย (GAP) และใช้กำจัดศัตรูพืชในระบบเกษตรอินทรีย์ นอกจากนั้น แนวทางในการขึ้นทะเบียนเพื่อให้มีสารชีวภัณฑ์และสารสกัดจากพืชมาใช้กำจัดวัชพืช แมลงและโรคพืชเพิ่มมากขึ้นในอนาคตกรมจะจัดความสำคัญในการขึ้นทะเบียนเป็นลำดับแรกและลดขั้นตอนความยุ่งยาก แต่ยังคงเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยต่อคน สัตว์และสิ่งแวดล้อม และในระยะยาวจะมีการเร่งรัดงานวิจัยเพื่อให้มีการพัฒนาสารจำกัดศัตรูพืชที่ปลอดภัย  มีประสิทธิภาพ  และต้นทุนต่ำ” อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าว

กรมวิชาการเกษตร ข่าว