เกษตรฯ จับมือไอคอนสยามเปิดงาน “Mango of SIAM ที่สุดแห่งมะม่วงไทย ถูกใจทั่วโลก”
กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย ยกทัพมะม่วงคุณภาพดีให้คนกรุงได้ลิ้มลองในงาน “Mango of SIAM ที่สุดแห่งมะม่วงไทย ถูกใจทั่วโลก” ระหว่างวันที่ 2 – 6 เม.ย. 2564 นี้ ณ เจริญนครฮอลล์ ชั้น M ไอคอนสยาม เขตคลองสาน กรุงเทพฯ พร้อมเชิญชวนผู้บริโภคอุดหนุนชาวสวนผลไม้ไทย
วันที่ 2 เมษายน 2564 นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานในพิธีเปิดงาน “Mango of SIAM ที่สุดแห่งมะม่วงไทย ถูกใจทั่วโลก” เปิดเผยว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้นโยบายเกี่ยวกับการประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนถึงความร่วมมือและความเป็นไปได้ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เพื่อวางแผนการเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรนำสินค้าเกษตรเข้าไปจำหน่ายตามฤดูกาล ภายใต้ความร่วมมือการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2564 และช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้การส่งออกเกิดการชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดส่งออกมะม่วงที่สำคัญและใหญ่ที่สุด ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงสาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา แคนาดา และกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป โดยเชิญศูนย์การค้าไอคอนสยามเข้ามาร่วมกิจกรรมการจัดงานกับกรมส่งเสริมการเกษตรในงาน “Mango of SIAM ที่สุดแห่งมะม่วงไทย ถูกใจทั่วโลก” ระหว่างวันที่ 2 – 6 เม.ย. 2564 ณ เจริญนครฮอลล์ ชั้น M ไอคอนสยาม
ไอคอนสยาม นับเป็นศูนย์การค้าระดับ High end ที่ผู้ซื้อมีกำลังซื้อสูง และเลือกสรรของดีมีคุณภาพ เรียกได้ว่าสินค้าที่วางจำหน่ายที่นี่ได้นั้น คุณภาพเป็นตัวกำหนดราคา ราคาเป็นตัวกำหนดผู้ซื้อ ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ร่วมจัดงานกับศูนย์การค้าไอคอนสยาม ด้วยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และผสมผสานกับความเป็นศูนย์การค้าใจกลางเมืองหลวงที่เข้ากับอัตลักษณ์ของมะม่วงไทยได้อย่างลงตัว รวมทั้งตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมการรองรับการกระจายผลผลิตมะม่วงในอนาคต โดยเน้นการผลิตมะม่วงคุณภาพให้เข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรดภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นแนวทางการพัฒนาการบริหารจัดการมะม่วงในอนาคตได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่ผลิตมะม่วงมีการปรับเปลี่ยนการผลิต ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในการผลิตมะม่วงให้มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิต สามารถเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ได้ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน มีการวางแผนที่ดีและลดความเสี่ยงการผลิตสินค้ามากเกินความต้องการ ถือเป็นการพัฒนาเกษตรกรรมของประเทศด้วยวิถีทางแห่งนวัตกรรมการเพิ่มมูลค่า และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนตามนโยบายเกษตร 4.0 ดังนั้น จึงต้องหันมาส่งเสริมด้านการตลาดในประเทศเพื่อช่วยชาวสวนเพิ่มให้มากขึ้น
ด้านนางกุลฤดี พัฒนะอิ่ม รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้เพื่อช่วยชาวสวนผลไม้กระจายผลผลิต โดยเฉพาะระยะนี้เป็นเทศกาลของมะม่วงซึ่งมีผลผลิตจากหลายพื้นที่ทยอยออกสู่ตลาด กรมส่งเสริมการเกษตรจึงร่วมกับสมาคมชาวสวนมะม่วงไทยคัดสรรผลผลิตและผลิตภัณฑ์มะม่วงคุณภาพดีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานมาร่วมออกบูธจำหน่าย ประกอบด้วย สินค้ามะม่วงจากสมาคมชาวสวนมะม่วงไทยของจังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ ฉะเชิงเทรา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ราชบุรี นครราชสีมา สระแก้ว สินค้าเกษตรจากตลาดเกษตรกร ได้แก่ ผลิตภัณฑ์แปรรูปมะม่วงของจังหวัดเชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรปราการ ลำพูน นครนายก สินค้าเกษตรจากกลุ่มแปลงใหญ่ ได้แก่ แปลงใหญ่มะพร้าวน้ำหอมของจังหวัดสมุทรสาคร, แปลงใหญ่ส้มโอ ลิ้นจี่ จังหวัดสมุทรสงคราม, แปลงใหญ่ทุเรียน มังคุด จังหวัดจันทบุรี, แปลงใหญ่อโวคาโด จังหวัดตาก, แปลงใหญ่สับปะรด (พันธุ์ใหม่) จังหวัดระยอง, แปลงใหญ่ขนุน จังหวัดชลบุรี และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่เกี่ยวกับมะม่วงและการบริการต่าง ๆ ได้แก่ อุปกรณ์ทางการเกษตร ปุ๋ย สารชีวภัณฑ์ ฮอร์โมน ที่เหมาะสมสำหรับชุมชนเมือง รวมทั้งการให้บริการขนส่ง เช่น ไปรษณีย์ไทย, Kerry เป็นต้น
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร
ทั้งนี้ ในปี 2564 สมาคมชาวสวนมะม่วงไทยได้ประเมินสถานการณ์ผลผลิตมะม่วงพันธุ์การค้าเบื้องต้นจากสมาชิกกลุ่มเกษตรกรในแหล่งผลิตสำคัญของประเทศไทย 3 แหล่ง ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 20 จังหวัด คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณผลผลิต 400,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 15 ขณะนี้มีการเก็บเกี่ยวแล้วร้อยละ 20 โดยสถานการณ์ราคามะม่วงที่เกษตรกรขายได้หน้าสวนสำหรับตลาดในประเทศ พบว่า ราคามะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง 17 บาท/กิโลกรัม มะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์สี่ 12 บาท/กิโลกรัม ฟ้าลั่น 7 บาท/กิโลกรัม เขียวเสวย 20 บาท/กิโลกรัม เป็นต้น สำหรับราคามะม่วงตลาดส่งออก พบว่า ราคามะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเกรด A 30 บาท/กิโลกรัม และมะม่วงน้ำดอกไม้เบอร์สี่ 25 บาท/กิโลกรัม (ต้นทุนการผลิตมะม่วงเฉลี่ยทุกสายพันธุ์ประมาณ 7 บาท/กิโลกรัม) จึงทำให้สถานการณ์ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์พอใช้
กิจกรรมภายในงานครั้งนี้นอกจากจะมีการออกร้านจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ยังได้จัดแสดงนิทรรศการประกอบเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมงาน เช่น นิทรรศการประวัติความเป็นมาและอัตลักษณ์แห่งมะม่วงไทย เทคโนโลยีการผลิตมะม่วงคุณภาพดี ตั้งแต่การปลูก การดูแลรักษามะม่วง ศัตรูสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง การพัฒนาคุณภาพมะม่วงส่งออก/ดัชนีการเก็บเกี่ยวมะม่วง การแสดงความหลากหลายทางสายพันธุ์มะม่วง และมะม่วงที่ได้รับการรับรองเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สำหรับมะม่วงที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้จำแนกออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 มะม่วงไทยพันธุ์การค้า ได้แก่ น้ำดอกไม้เบอร์สี่ น้ำดอกไม้สีทอง เขียวเสวย ฟ้าลั่น โชคอนันต์ มหาชนก อกร่อง (อกร่องทอง อกร่องเขียว อกร่องพิกุลทอง) แรด ขายตึก เพชรบ้านลาด มันเดือนเก้า มันขุนศรี มะม่วงเบา น้ำดอกไม้มัน แก้ว หนังกลางวัน กลุ่มที่ 2 มะม่วงไทยพันธุ์หายาก/โบราณ ได้แก่ ยายกล่ำ สายฝน เจ้าคุณทิพย์ พิมเสนมัน พิมเสนเปรี้ยว งาช้างแดง นาทับ สาวน้อยกระทืบหอ ลิ้นงูเห่า แก้วลืมรัง กลุ่มที่ 3 มะม่วงพันธุ์ต่างประเทศ/ลูกผสม ได้แก่ อ้ายเหวิน อี้เหวิน จินหวง อาร์ทูอีทู แดงจักรพรรดิ แก้วขมิ้น กลุ่มที่ 4 มะม่วงที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ได้แก่ ยายกล่ำนนทบุรี น้ำดอกไม้สระแก้ว น้ำดอกไม้ฉะเชิงเทรา และการซื้อขายสินค้าเกษตรผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมบนเวที เช่น การแข่งขันแกะสลักผลไม้ ตำผลไม้ลีลา เชฟชื่อดังมาร่วมโชว์ปรุงเมนูมะม่วงรสเลิศ การถาม-ตอบความรู้ สาธิตต่าง ๆ กิจกรรมนาทีทอง ลุ้นโชควงล้อมะม่วงมหาสนุก เป็นต้น โดยมุ่งหวังว่าการจัดงานครั้งนี้จะเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ตลอดจนมีศูนย์การค้าต้นแบบที่สามารถการันตีมะม่วงคุณภาพสู่ผู้บริโภคในประเทศได้ดีต่อไป จึงขอเชิญชวนผู้บริโภคทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียงร่วมอุดหนุนสินค้าเกษตรไทยช่วยสนับสนุนชาวสวนผลไม้ภายใต้ Campaign “ซื้อสินค้าเกษตรไทย เกษตรกรอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด” และเลือกซื้อเป็นของขวัญของฝากให้กับญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้
กรมส่งเสริมการเกษตร ข่าว