วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววัง

460

การรวมกลุ่มจึงสำคัญเพราะ “ปลูกคนเดียวร้อยไร่ไม่ได้”

นี่คือคำกล่าวของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววัง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ที่รวมตัวขึ้นเพราะโควิด โดยการนำของประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววัง ที่เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส พลิกชีวิตคนที่กลับมาอยู่ภูมิลำเนาได้ลืมตาอ้าปาก

จากเหตุการณ์โควิด หลายคนเดินทางกลับจากเมืองหลวงสู่บ้านเกิด และเริ่มดำเนินชีวิตสู่วิถีการเกษตร วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววังจึงเกิดขึ้น และจดทะเบียนเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 64 ในช่วงแรกรายได้เริ่มจากการปลูกผัก แต่รายได้ไม่เพียงพอ ประธานของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววัง จึงได้หาทางช่วยเหลือสมาชิก จากการปลูกผักปรับเปลี่ยนมาเป็นปลูกสมุนไพร และเจอกับมะระขี้นก  ซึ่งระยะเวลาปลูกสั้น เก็บเกี่ยวได้หลายครั้ง และรายได้ดี

การปลูกมะระขี้นกของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววัง มีการเรียนรู้กระบวนการปลูกแบบพี่สอนน้อง ใช้การปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ให้ปุ๋ยอินทรีย์ด้วยฮอร์โมนไข่ เมื่อการปลูกมะระขี้นกเริ่มอยู่ตัว ทางวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววังได้เริ่มนำฟ้าทลายโจรมาปลูก เพราะดูแลง่าย ระยะเวลาการเก็บเกี่ยวสั้นเพียง 120 วันก็สามารถตัดได้ ประกอบกับการมองเห็นช่องทางของตลาดเนื่องจากสภาวะโควิดยังคงอยู่ ฟ้าทะลายโจรช่วยยับยั้งเชื้อโควิด จึงได้ส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววังปลูก แปรรูปและอัดเป็นเม็ดแคปซูลเองเนื่องจากมีเครื่องมืออัดแคปซูล นอกจากการกิน ใช้ และขาย ฟ้าทะลายโจรในกลุ่มวิสาหกิจกันเองแล้ว ยังเหลือขายให้กับบุคคลภายนอกอีกด้วย

นอกจากการปลูกมะระขี้นก ฟ้าทะลายโจร ทางวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววังยังมีการปลูกเพชรสังฆาตซึ่งเป็นไม้อายุยืนสามารถเก็บผลผลิตได้เรื่อยๆ ในหนึ่งปีสามารถเก็บผลผลิตได้สามรอบ เพชรสังฆาตช่วยแก้ปัญหาเรื่องริดสีดวง ชะลอวัย พืชสมุนไพรอื่นๆ ที่ทางวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววังปลูกนอกจากที่กล่าวมาคือ หนุมานประสานกาย ดีปลี ผักเชียงดา ว่านหอมแดง ขมิ้นชัน

การปลูกสมุนไพรแบบผสมผสานเช่นนี้ทำให้สมาชิกมีรายรับตลอดทั้งปี โดยมีรายได้รายวันจากการเก็บผลมะระขี้นกขาย รายได้รายเดือนจากเพชรสังฆาต และรายปีจากขมิ้นชัน โดยราคาขายมะระขี้นกทางกลุ่มจะมีการประกันราคารับซื้อไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 15 บาท สมาชิกสามารถเก็บผลผลิตวันเว้นวันได้ถึง 25 ครั้ง ต่อการปลูกหนึ่งรอบปี สำหรับการทำตลาดของวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรมชาววัง เน้นการเก็บข้อมูลจากลูกค้าเก่า ว่ามีสมุนไพรตัวไหนเป็นที่ต้องการ ก่อนจะนำมาทดลองปลูกในแปลงของประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรมชาววัง จนได้ผลในระดับที่น่าพอใจ จึงจะถ่ายทอดต่อให้สมาชิกนำไปปลูก ที่กลุ่มรับซื้อผลผลิตเฉพาะแบบสดเท่านั้น หลังจากนั้นจะนำมาตากในโรงตากและโรงอบพาราโบร่า เพื่อให้ได้คุณภาพเท่ากัน ทางกลุ่มจะเป็นคนคัดแยกคุณภาพเอง โดยการจ้างงานคนในพื้นที่ สินค้าหลังจากแปรรูปแห้งแล้วสามารถเก็บไว้ได้หนึ่งปี

ปัญหาของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววังที่ยังต้องแก้ไขกันต่อไปคือ การเปลี่ยนแนวคิดในการปลูกของสมาชิกในเรื่องของการใช้ วิธีการปลูก เพราะยังมีสมาชิกบางส่วนที่ยังติดกับวิธีการเก่าๆ ตลอดจนเรื่องแหล่งน้ำ และการสร้างความเชื่อมั่นให้กลุ่มพ่อค้าที่เมารับ๙อผลผลิต ซึ่งมักจะติดกับภาพเดิมๆ ในการรับซื้อสมุนไพรที่ไม่ได้มาตรฐาน

ส่วนการบริหารจัดการของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรมชาววัง มีการบริหารจัดการแบบให้มีรายได้ เพื่อให้ทางวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรรมชาววังสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยทางกลุ่มมีการขายเมล็ดพันธุ์ และขายตาข่าย ให้กับสมาชิก หากสมาชิกไม่มีต้นทุนในการดำเนินการแต่มีความตั้งใจลงทุนในการปลูกสมุนไพรกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรมชาววัง สามารถเอาเมล็ดพันธุ์และตาข่ายไปใช้ก่อนได้ หลังจากเก็บเกี่ยวผลิตผลแล้วนำมาขาย ค่อยหักค่าเมล็ดพันธุ์ และค่าตาข่ายแบบผ่อนชำระเป็นงวดๆ นับเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีโอกาสลืมตาอ้าปากอย่างแท้จริง

วิทยุกระจายเสียงเพื่อการเกษตร บทความ