ธรรมนัส คุมเข้ม! ลุยพื้นที่ชายแดน อ.สังขละบุรี ปราบสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย กยท. หนุนนโยบายฯ ฟอร์มทีมสายลับยางเฝ้าระวัง พร้อมแจ้งเบาะแส
วันนี้ (29 ตุลาคม 2566) รมว. เกษตรฯ ลงพื้นที่ด่านศุลกากรสังขละบุรี ลุยปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจัง ด้านการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ร่วมกรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์ และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ตั้งด่านสกัด-ตรวจสอบสินค้าเกษตรนำเข้าฯ พร้อมเร่งเตรียมมาตรการเสริม ตั้งทีมสายลับยางเฝ้าระวัง พร้อมแจ้งเบาะแสหากพบข้อมูลผู้กระทำผิด
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการนำของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญ เอาจริงเอาจังกับการปราบปรามและแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคต่อการบริโภคสินค้าเกษตรอย่างปลอดภัย พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นต่อพี่น้องเกษตรกรให้มีความมั่นคงทางอาชีพ ผลักดันผลผลิตทางการเกษตรให้มีมูลค่าสูง ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดียิ่งขึ้น โดยการลงพื้นที่ด่านศุลกากรสังขละบุรีครั้งนี้ เพื่อเปิดจุดตรวจสินค้าแบบบูรณาการ (ปศุสัตว์ พืช ประมง) ซึ่งเป็นจุดตรวจที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ทั้งกรมวิชาการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย กรมปศุสัตว์ กรมประมง สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่เพื่อสกัดและตรวจสอบสินค้าเกษตรนำเข้าที่ผ่านเส้นทาง อ. สังขละบุรี ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ติดตามความคืบหน้ามาตรการปราบปรามสินค้าเกษตรนำเข้าผิดกฎหมายของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และพบปะพี่น้องเกษตรกร ผู้ประกอบกิจการ เพื่อรับฟังปัญหาโดยกระทรวงเกษตรฯ พร้อมช่วยเหลือและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกภาคส่วน
นายณกรณ์ กล่าวว่า กยท. เร่งเตรียมความพร้อมดำเนินมาตรการคู่ขนาน เพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ในการป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายเข้าสู่ไทย โดยจะจัดตั้งทีมสายลับยางเพื่อทำงานร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ เฝ้าระวังและสอดส่องการกระทำผิดกฎหมาย หากพบเบาะแสจะแจ้งแก่หน่วยงานผู้มีอำนาจดำเนินการจับกุมต่อไป อย่างไรก็ตาม กยท. พร้อมให้ความร่วมมือเพื่อจัดการปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง และจะชี้แจงให้สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางทราบถึงโทษการรับซื้อสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมายหรือหลีกเลี่ยงภาษี และกำกับควบคุมสถาบันเกษตรกรฯ ไม่ให้รับซื้อยางที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ กยท. จะขยายผลดำเนินการไปยังพื้นที่รอยต่อระหว่างพรมแดนอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ระนอง ตาก เชียงราย เป็นต้น ตามนโยบายและข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ที่ได้เน้นย้ำและให้ความสำคัญในเรื่องนี้
นายณกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดกาญจนบุรี มีพื้นที่ปลูกยางพารา 103,705.86 ไร่ มีปริมาณผลผลิตเนื้อยางแห้งรวมทั้งจังหวัด 24,313.27 ตัน/ปี เป็นยางแผ่นดิบ 13,894.41 ตัน/ปี โดยใน อ.สังขละบุรี มีพื้นที่ปลูกยางพารา 22,858.68 ไร่ มีปริมาณผลผลิตเนื้อยางแห้ง 5,506.53 ตัน/ปี เป็นยางแผ่นดิบ 4,065.93 ตัน/ปี ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้มีการตรวจสอบปริมาณผลผลิตยางในพื้นที่และสินค้ายางนำเข้า เพื่อควบคุมการนำเข้าให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน กยท.จังหวัด และ กยท.สาขา ที่อยู่ในพื้นที่เขตพรมแดนจะวางแผนสำรวจการผลิตยางธรรมชาติของเกษตรกรทั้งรูปแบบของผลผลิตยางที่ขาย จำแนกเป็นน้ำยางสด ยางก้อนถ้วย ยางแผ่นดิบ ซึ่งจะทำให้ทราบได้ว่าปริมาณยางที่ขายในพื้นที่นั้นๆ มียางเถื่อนปนอยู่ด้วยหรือไม่ และกำหนดเป้าหมายสำรวจข้อมูลดังกล่าวให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
“นโยบายของรัฐมนตรีเกษตรฯ ให้ความสำคัญกับการควบคุมการลักลอบนำสินค้าเกษตรผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยอย่างจริงจัง และผลักดันการทำงานให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อขยายผลให้บรรลุเป้าหมายในการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าทางการเกษตร และยกระดับรายได้แก่เกษตรกรให้มีความกินดีอยู่ดียิ่งขึ้น” นายณกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
การยางแห่งประเทศไทย ข่าว