กยท. เตรียมจับมือ RISDA มุ่งพัฒนาอาชีพทำสวนยาง

139

การยางแห่งประเทศไทย เตรียมจับมือ RISDA มาเลฯ มุ่งพัฒนาอาชีพการทำสวนยาง ถ่ายทอดเทคโนโลยี หวังเพิ่มมูลค่ายาง-สร้างรายได้ชาวสวนยาง 2 ประเทศ

เมื่อเร็วๆ นี้ การยางแห่งประเทศไทย นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีผู้แทนการค้าไทย ดร.เพิก  เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย และ
นายโกศล บุญคง รองผู้ว่าการด้านบริหาร พร้อมด้วยคณะผู้แทนจากประเทศไทย ร่วมพบปะประธานกรรมการ RISDA คณะผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนกลุ่มผู้นำเกษตรกรชาวสวนยางของมาเลเซีย เตรียมจับมือร่วมกันพัฒนาอาชีพการทำสวนยาง มุ่งสร้างรายได้และเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกรชาวสวนยางทั้งสองประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน

ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีผู้แทนการค้าไทย ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายไทยด้านการเจรจาเรื่องยางพารา เผยว่า การเยือนประเทศมาเลเซียในครั้งนี้ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความร่วมมือในการพัฒนายางพาราทั้งระบบ และมุ่งมั่นให้เกิดประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับยางพาราในทุกๆ ภาคส่วน ซึ่งบทบาทที่สำคัญของทั้งสองประเทศ คือ ภาคการผลิต และภาคอุตสาหกรรม ดังนั้น การเจรจาในครั้งนี้ ได้มีการผลักดันความร่วมมือในภาคการผลิต ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยน เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการทำอาชีพการทำสวนยางให้ได้มาตรฐาน การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาและสร้างรายได้ ตลอดจนเพิ่มมูลค่ายางให้กับเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยของทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือในด้านราคาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของสองหน่วยงานที่จะมีความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยระหว่างประเทศร่วมกัน ได้แก่ การยางแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ Rubber Industry Smallholders Development Authority (RISDA) ภายใต้ Ministry of Rural and Regional Development ซึ่งทุกองค์กรมีภารกิจในสอดคล้องกัน และสามารถที่นำแนวทางมาต่อยอดเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรรายย่อยให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นผ่านโครงการริเริ่มและนโยบายของกันและกันได้ และคาดว่าความร่วมมือในอนาคต จะขยายขอบเขตสู่ประเทศผู้ผลิตยางในแถบภูมิภาคอาเซียน

ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศมาเลเซียต่างมีเป้าหมายในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยให้ดียิ่งขึ้น มีรายได้ที่ดีและพัฒนาอาชีพการทำสวนยางให้เป็นอาชีพที่เข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งประเทศมาเลเซีย มีเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยรวมกว่า 500,000 ราย มีพื้นที่สวนยางรวมประมาณ 1,000,000 เฮกตาร์ (6,250,000 ไร่) โดยปัจจุบันมีปริมาณผลผลิตลดลงแม้ว่าจำนวนเกษตรกรจะไม่เปลี่ยนแปลงนัก โดยในหลายปีที่ผ่านมามีผลกระทบจากราคายางและขาดความต่อเนื่องในการสืบทอดอาชีพของเกษตรชาวสวนยางรุ่นเยาว์ต่อภาคการผลิต และภาคอุตสาหกรรมยาง ในขณะที่ประเทศไทยมีเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทยกว่า 1.4 ล้านราย และพื้นที่รวมประมาณ 20 กว่าล้านไร่ ดังนั้น หากทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกัน จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกในการพัฒนาเกษตรกรชาวสวนยางระหว่างประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยจะขับเคลื่อนการพัฒนาผลผลิต การนำเทคโนโลยีที่ดีจากทั้งสองประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐาน และสามารถยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อให้มีความเป็นอยู่ดี รวมทั้งการพัฒนาเรื่องราคาและตลาดยางพาราในภาคการผลิตให้มีความเป็นธรรม จะเป็นโอกาสที่ดีและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของเกษตรกรชาวสวนยางที่เปลี่ยนแปลงบทบาทให้มีโอกาสในภาคธุรกิจมากยิ่งขึ้น

การเจรจาความร่วมมือระหว่าง กยท. และ RISDA รวมทั้งการลงพื้นที่เพื่อพบปะเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยของทั้งสองประเทศ ทำให้ทั้งสองฝ่ายพร้อมเร่งดำเนินการผลักดันนโยบายความร่วมมือเพื่อพัฒนาภาคการผลิต ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน หวังยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวสวนยางให้ดียิ่งขึ้น และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางโดยตรง และที่สำคัญจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมยางพาราของทั้งสองประเทศได้โดยเร็วต่อไป

การยางแห่งประเทศไทย