มาแล้ว!! กระเจี๊ยบเขียว กวก.กาญจนบุรี 1

2,376

กวก.กาญจนบุรี 1 กระเจี๊ยบเขียวพันธุ์ใหม่ให้ผลผลิตสูงฝักได้มาตรฐานส่งออก

นายรพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กระเจี๊ยบเป็นพืชผักส่งออกที่มีความสำคัญของประเทศไทยอีกชนิดหนึ่งโดยมีตลาดการค้าหลักอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในแต่ละปีมีการนำเข้าถึงร้อยละ 95 ทั้งในรูปฝักสดหรือแช่เย็นและแช่แข็ง  และยังสามารถขยายฐานการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ได้  โดยประเทศไทยมีเนื้อที่เพาะปลูกกระเจี๊ยบเขียวรวมทั้งประเทศจำนวน 3,797 ไร่  อย่างไรก็ตาม การผลิตกระเจี๊ยบเขียวพบปัญหาในด้านการผลิตอยู่เสมอทำให้มีผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดส่งออกและในประเทศ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาการระบาดของศัตรูพืช และคุณภาพฝักไม่ได้ตามที่ตลาดญี่ปุ่นต้องการ  ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี  กรมวิชาการเกษตร  จึงวิจัยและพัฒนาพันธุ์กระเจี๊ยบเขียวเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวให้แก่เกษตรกรจนได้ กระเจี๊ยบเขียวสายพันธุ์ KC6203

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร

นางสาวนันทนา โพธิ์สุข นักวิชาการเกษตรชำนาญการ  ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี กล่าวว่า กระเจี๊ยบเขียวสายพันธุ์ KC6203 ได้จากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่าง L09 x M14 ซึ่งเป็นสายพันธุ์คัดเลือกจากพันธุ์อินเดียที่ให้ฝักมีคุณภาพตามมาตรฐานการส่งออกและต้านทานต่อโรคเส้นใบเหลืองในปี 2558แล้วนำมาปลูกคัดเลือกร่วมกับลูกผสมอื่นๆ รวม 50 คู่ผสมระหว่างปี 2559-2561 ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี  คัดเลือกได้สายพันธุ์ที่มีลักษณะทางการเกษตรดี ให้ผลผลิตสูง ลักษณะฝักตรง สีเขียว-เขียวเข้มได้คุณภาพตามมาตรฐานการส่งออก จำนวน 7 สายพันธุ์  นำไปปลูกร่วมกับพันธุ์เปรียบเทียบ ได้แก่ พิจิตร 1พันธุ์การค้า (Bella) และ พจ.03 วางแผนการทดลองแบบบล็อกสุ่มสมบูรณ์ระหว่างปี 2562-2563 ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี 2 ฤดูปลูก พบว่า กระเจี๊ยบเขียวสายพันธุ์ KC6203 ให้ผลผลิตสูง ฝักสีเขียวคุณภาพอื่นตรงตามมาตรฐานการส่งออกและตลาดภายในประเทศ  คณะนักวิจัยจึงได้เสนอขอรับรองสายพันธุ์ KC6203 เป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตร ผ่านการรับรองพันธุ์เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ใช้ชื่อพันธุ์ว่า “กระเจี๊ยบเขียวพันธุ์ กวก.กาญจนบุรี 1”

ลักษณะเด่น“กระเจี๊ยบเขียวพันธุ์ กวก.กาญจนบุรี 1” ให้ผลผลิตสูงเฉลี่ย 3,069 กิโลกรัมต่อไร่ ในขณะที่พันธุ์พิจิตร 1 ให้ผลผลิต 2,561 กิโลกรัมต่อไร่  และพันธุ์การค้าให้ผลผลิต 2,591 กิโลกรัมต่อไร่   ผลผลิตได้มาตรฐานการส่งออกเฉลี่ย 2,375 กิโลกรัมต่อไร่ ในขณะที่พันธุ์พิจิตร 1 ผลผลิตได้มาตรฐานการส่งออก 1,459 กิโลกรัม    ต่อไร่ และพันธุ์การค้าผลผลิตได้มาตรฐานการส่งออก 2,212 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ กระเจี๊ยบเขียวพันธุ์ กวก.กาญจนบุรี 1 ยังมีรูปร่างฝักตรง ห้าเหลี่ยม ขนนุ่ม สีเขียวสม่ำเสมอทั้งฝักคุณภาพฝักได้ตามมาตรฐานการส่งออกและตลาดภายในประเทศ

“กระเจี๊ยบเขียวพันธุ์ กวก.กาญจนบุรี 1 มีความยาวฝัก 7-12 เซนติเมตร ก้านฝักเปราะ ทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตง่าย  ลักษณะต้นตั้งตรงความสูงเฉลี่ย 103 เซนติเมตร กิ่งแขนงให้ฝักคุณภาพ มีอายุเก็บเกี่ยว 46 วันหลังปลูก ที่สำคัญเกษตรกรยังสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกในฤดูกาลต่อไปได้โดยไม่กลายพันธุ์หากมีการผลิตเมล็ดพันธุ์อย่างถูกต้องเหมาะสม  กระเจี๊ยบเขียวพันธุ์ กวก.กาญจนบุรี 1 เหมาะสำหรับปลูกในสภาพการผลิตพืชผักทั่วไปในเขตพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันตก โดยเฉพาะจังหวัดกาญจนบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง   ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี ได้สร้างแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ระหว่างปี 2565-2566 มีเมล็ดพันธุ์คัดแล้ว 30 กิโลกรัม ซึ่งสามารถนำไปปลูกขยายได้ในพื้นที่ 30 ไร่  เกษตรกรและผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี  โทรศัพท์ 034-552036-7  นางสาวนันทนา กล่าว

กรมวิชาการเกษตร