ทุ่นยางดักผักตบ

1,575

กรมชลฯ พัฒนานวัตกรรมทุ่นยางพาราดักผักตบชวาควบคุมวัชพืชกีดขวางทางน้ำ

กรมชลประทาน มุ่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้พัฒนา “ทุ่นยางพาราดักผักตบชวา” ใช้ยางแผ่นรมควันจากเกษตรกรเป็นวัสดุทำทุ่น กางแผนปี 2564 ปูพรมติดตั้ง 10,149 ทุ่น ครอบคลุมคลองส่งน้ำ และประตูระบายน้ำของสำนักงานชลประทานที่ 1-17 คาดช่วยแก้ปัญหาวัชพืชกีดขวางการไหลของน้ำในระบบชลประทานได้เพิ่มมากขึ้น  พร้อมต่อยอดวิจัยสาร “สวพ.62-RID No.1” ใช้กำจัดผักตบชวาตายโดย สิ้นเชิง ไม่ทำลายคุณภาพน้ำ ต้นทุนต่ำ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

นายธนา สุวัฑฒน ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา กรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน โดยสำนักวิจัยและพัฒนาได้มุ่งพัฒนานวัตกรรมเครื่องจักรและเครื่องมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้พัฒนา “ทุ่นยางพาราดักผักตบชวา” (Para.-Log Boom) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นเอง โดยนำยางพารามาใช้เป็นวัสดุทำเป็นทุ่นดักผักตบชวา เพื่อสร้างเป็นต้นแบบแนวทางการใช้ยางแผ่นรมควันจากเกษตรกรให้มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ และแก้ปัญหายางพาราล้นตลาด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและควบคุมวัชพืชน้ำในทางน้ำชลประทานได้อีกทางหนึ่ง

“ผักตบชวา เป็นหนึ่งในวัชพืชร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อการส่งน้ำและการระบายน้ำในระบบชลประทาน จากปัญหาดังกล่าว กรมชลประทานจึงได้วางแผนการควบคุมและกำจัดผักตบชวา โดยวิจัยพัฒนาทุ่นยางพาราดักผักตบชวามาตั้งแต่ปี 2562 และในปีที่ผ่านมาได้มีการนำร่องติดตั้งใน 3 โครงการ ได้แก่ คลองพระยาบรรลือ บริเวณหน้าเครื่องผลักดันน้ำและหน้าประตูระบายน้ำ คลองผักไห่ บริเวณท้ายประตูระบายน้ำ และคลองจินดา บริเวณหน้าประตูระบายน้ำ นับว่าสามารถดักผักตบชวาได้ เป็นการควบคุมและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายธนากล่าว

อย่างไรก็ดี ในปีนี้ กรมชลประทาน มีแผนการขยายผลการติดตั้ง “ทุ่นยางพาราดักผักตบชวา” รวมทั้งสิ้น 10,149 ทุ่น ครอบคลุมคลองส่งน้ำและประตูระบายน้ำของสำนักงานชลประทานที่ 1-17 ซึ่งคาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาวัชพืชกีดขวางการไหลของน้ำในระบบชลประทานได้เพิ่มมากขึ้น โดยทุ่นจำนวนประมาณ 5,000 ทุ่น หรือครึ่งหนึ่งของจำนวนทุ่นทั้งหมดจะติดตั้งในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพื่อให้การส่งน้ำมีประสิทธิภาพที่ดี

นอกจากนี้ กรมชลประทาน ยังได้วิจัยผลิตสารควบคุมกำจัดผักตบชวา จนได้สารผสม “สวพ.62-RID No.1” น้ำมันสกัดจากพืชตระกูลยูคาลิปตัส ซึ่งมีส่วนผสมของสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช และผสมสารกลีเซอรีน ในรูปของเกลือ โดยผ่านการทดสอบประสิทธิภาพจากห้องทดลอง พบว่าสามารถกำจัดผักตบชวาตายได้และไม่มีการตกค้างทั้งในน้ำและตะกอนท้องน้ำ นับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  โดยได้นำร่องใช้กำจัดผักตบชวาในพื้นที่สำนักงานชลประทานที่ 10 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาคลองเพรียว-เสาไห้ จังหวัดสระบุรี และอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทร อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชลบุรี พบว่ามีประสิทธิภาพในการควบคุมกำจัดผักตบชวาตายโดยสิ้นเชิง ซึ่งวิธีการดังกล่าวใช้ต้นทุนการกำจัดตารางเมตรละ 1 บาท เท่านั้น

กรมชลประทาน ข่าว