จับมือฝนหลวงช่วยชาวนา

862

ชลประทานประสานขอฝนหลวงช่วยชาวนา พร้อมเตือนภาคใต้ตอนบนรับมือพายุ “ยาอาส”

กรมชลประทาน จับมือกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ช่วยเกษตรกรปลูกข้าวนาปีหลังตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกน้อยลง เดินหน้าช่วยเหลือเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกไป ด้วยการจัดสรรน้ำตามรอบเวร ช่วยลดผลกระทบไม่ให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย ตามนโยบายของรัฐบาล และดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ปัจจุบัน (24 พ.ค. 64) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 35,652 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างฯรวมกัน ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันประมาณ 40,415 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 8,566 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 34 ของความจุอ่างฯ รวมกัน ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกประมาณ 16,305 ล้าน ลบ.ม. สำหรับการเตรียมพร้อมใช้พื้นที่ลุ่มต่ำรองรับน้ำนอง กรมชลประทานได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 ด้วยการใช้พื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ ทั้งพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำและพื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยา 13 ทุ่ง ได้แก่ 1) ทุ่งฝั่งซ้ายชัยนาท-ป่าสัก 2) ทุ่งป่าโมก 3) ทุ่งเจ้าเจ็ด 4) ทุ่งบางกุ้ง 5) ทุ่งผักไห่ 6) ทุ่งโพธิ์พระยา 7) ทุ่งเชียงราก 8 ) ทุ่งท่าวุ้ง 9) ทุ่งบางกุ่ม 10) ทุ่งบางบาล-บ้านแพน 11) ทุ่งพระยาบรรลือ 12) ทุ่งรังสิตใต้ 13) ทุ่งบางระกำ รวมพื้นที่รับน้ำประมาณ 1,410,267 ไร่

ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพฝนตลอดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีปริมาณฝนลดลง จึงได้ประสานไปยังกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ทางตอนบนของประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในช่วงนี้ทางตอนบนยังคงมีฝนตกน้อย ประกอบกับปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนต่างๆไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกข้าวต่อเนื่องหรือข้าวนาปีได้อย่างเต็มศักยภาพ จึงขอให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกเมื่อมีฝนตกสม่ำเสมอในพื้นที่ สำหรับพื้นที่ใดทำการเพาะปลูกไปแล้วกรมชลประทานจะจัดสรรน้ำให้ตามรอบเวร เพื่อช่วยลดความเสียหาย ของผลผลิตทางการเกษตร พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานทุกแห่งเฝ้าระวังจุดเสี่ยงเกิดอุทกภัยซ้ำซาก การเร่งกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การเตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ ที่พร้อมจะเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ตามมาตรการรับน้ำฤดูฝนปี 64 ที่ได้วางไว้ ตลอดจนทำการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

สำหรับการเตรีมพร้อมรับมือกับพายุไซโคลน “ยาอาส” ที่เคลื่อนตัวอยู่บริเวณอ่าวเบงกอล ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศแจ้งเตือนว่า จะส่งผลให้มีฝนตกหนักเป็นบางแห่งบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ในช่วงวันที่ 24-29 พฤษภาคม 2564 นั้น ได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนตกหนัก ด้วยการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อพื้นที่ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทานไว้ล่วงหน้า การจัดกำลังเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในพื้นที่เสี่ยงหากมีกรณีฝนตกหนัก หรือลมกระโชกแรงจนส่งผลกระทบต่ออาคารชลประทาน และทรัพย์สินของทางราชการให้เข้าไปดำเนินการแก้ไขสถานการณ์โดยเร็ว รวมทั้งกำชับเจ้าหน้าที่ให้คอยติดตาม ตรวจสอบอาคารชลประทานให้มีสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ และบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้เครือข่ายชลประทานในพื้นที่จังหวัดเสี่ยงเกิดผลกระทบติดตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งร่วมบูรณาการกับผู้ว่าราชการจังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำ

ทั้งนี้ ในส่วนของเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ กรมชลประทานได้จัดเตรียมความพร้อมทั้งรถแบคโฮ รถขุด รถเทรลเลอร์ เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ และเครื่องผลักดันน้ำไว้ในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้สามารถนำไปช่วยเหลือประชาชนได้ทันที รวมทั้งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ และมอบหมายเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา หากประชาชนหรือหน่วยงานใดมีต้องการความช่วยเหลือสามารถโทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา

กรมชลประทาน ข่าว